เจ้าแห่งระบบการศึกษาของโลกอย่างอังกฤษ ไม่ใช่แค่ขยับ แต่ครั้งนี้ ปรับใหญ่ มั่นใจหลักสูตรเพศศึกษาและความสัมพันธ์ระหว่างเพศแนวใหม่จะสามารถเตรียมเยาวชนตั้งแต่ชั้นประถมให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัลได้

Relationship and Sex Education หรือหลักสูตรการศึกษาด้านเพศสัมพันธ์และความสัมพันธ์ เรียกย่อๆ ว่า RSE กำลังถูกเตรียมนำไป “บังคับใช้” ในทุกโรงเรียนประถมทั่วเกาะอังกฤษ และมีกำหนดว่าต้องเริ่มใช้ในอีกสองปีข้างหน้า นับตั้งแต่เดือนกันยายน ปี ค.ศ. 2020

เขาจะสอนอะไร?
หลักสูตรด้านเพศของประเทศฉบับปัจจุบัน มีอายุ 18 ปีแล้ว ซึ่งถูกปรับมาเมื่อปี 2000 แต่โลกเปลี่ยนเร็วมากจนต้องหันมาทบทวนกันอีกครั้งแบบ…ยกเครื่อง แล้วที่รู้ว่าโลกเปลี่ยนและหลักสูตรการศึกษาตามไม่ทันก็เพราะเกิดปัญหาในหมู่เยาวชนมากมายจนผู้ใหญ่เวียนศีรษะ…คิดไม่ออก

ไม่ว่าจะเรื่องคุณแม่วัยใส เรื่องเยาวชนสับสนในความสัมพันธ์ระหว่างเพศ ประเด็น LGBT รวมถึงการ Bully หรือการกลั่นแกล้งแทงใจกันด้วยคำพูดและการกระทำทั้งต่อหน้าและลับหลัง ปัญหาเรื่องนี้ทวีความรุนแรงและรวดเร็ว

นอกจากเรื่องเพศศึกษาทั่วไปที่ต้องปรับมุมมองของผู้สอนและผู้เรียนแล้ว หลักสูตร RSE จะพูดถึงเรื่อง ความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่หลากหลาย เช่นความสัมพันธ์ของเพศเดียวกัน การแต่งงานสำหรับคนเพศเดียวกัน ความหมายใหม่ของคำว่าครอบครัวที่อาจจะมีพ่อกับพ่อ มีแม่กับแม่ เรื่องอัตลักษณ์ทางเพศ (Gender Identity) เรื่องการยินยอมพร้อมใจที่จะมีเพศสัมพันธ์ และเรื่องการใช้สื่อออนไลน์อย่างรู้เท่าทันและไม่ถูกหลอก

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาของอังกฤษผู้คล่องแคล่วและมาดมั่น นายเดเมียน ไฮนด์ส (Damian Hinds) ซึ่งเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งนี้เมื่อต้นปี 2018 (และเป็นผู้ชายทั่วไปที่สนับสนุน Gay Marriage) บอกว่า พอจบชั้นประถม อย่างน้อยเด็กๆ ต้องรู้ว่า ในโลกนี้มีครอบครัวหลากหลายแบบและแสนจะแตกต่างจากที่เด็กรู้จักจากเพื่อน เพราะโลกนี้เป็นโลกกว้าง ต้องหัดเคารพความแตกต่างหลากหลายของคน และเรียนรู้ด้วยว่า ครอบครัวแบบไหนก็ตาม ต่างมีความห่วงใยและผูกพันด้วยความรักกันทั้งนั้น

หัวข้อ LGBT เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกบรรจุไว้ใน RSE เขายังบอกด้วยว่า สำหรับคุณครูที่สอนหัวข้อนี้ ต้องมีการเตรียมตัวด้วย เพราะในระหว่างที่สอนอาจจะพบเจอเด็กที่กำลังสงสัยตัวเองอยู่ว่าอาจจะเป็น LGBT (นี่คงต้องรวมกรณีเด็กมีความคิดจะฆ่าตัวตาย) และต้องรู้วิธีสื่อสารกับเด็กที่กำลังเผชิญกับภาวะสับสนในตัวตนให้ถูกต้องด้วย

เรียนตั้งแต่ประถม คุณพ่อคุณแม่จะว่าอะไรมั๊ย?
ถ้าเป็นคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครองมาอ่านเรื่องนี้ ก็ต้องถามเหมือนกัน ไม่เด็กไปหรือนะคุณ เอามาสอนตั้งแต่ประถมน่ะ ที่มาสอนเรื่องเพศศึกษาและความสัมพันธ์ และยังมีเรื่อง LGBT มาเกี่ยวข้องอีกด้วย เรื่องนี้ คนที่ออกแบบหลักสูตรได้เตรียมรับมือไว้แล้ว…อย่างสวยเลยล่ะ

กรณีนี้ ถึงแม้หลักสูตรนี้เป็นวิชาภาคบังคับ แต่ในทางปฏิบัติย่อมมีหนทางยืดหยุ่น ถ้าครอบครัวนั้นมีเรื่องความเปราะบางของศาสนามาเกี่ยวข้อง หรือคุณพ่อ คุณแม่ หรือผู้ปกครองไม่พึงพอใจให้ลูกหลานรับรู้ ก็สามารถเอาเด็กออกจากวิชานั้นๆ ได้ โดยทางโรงเรียนเป็นผู้ประเมินว่า ควรสอนในลักษณะไหนเพื่อให้เหมาะกับผู้เรียนที่สุด ทั้งในเรื่องอายุ การรับรู้ และศาสนา

นายไฮนด์ส ซึ่งเคยให้สัมภาษณ์ว่า การได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการถือเป็นงานในฝันของเขา บอกว่า แล้วแต่พ่อแม่ ถ้าไม่พอใจที่จะให้ลูกเรียน แต่ถ้าเด็กอายุ 16 บรรลุนิติภาวะแล้ว เด็กสามารถเลือกได้เองว่าจะเรียนเรื่องนี้ในโรงเรียนหรือไม่ โดยพ่อแม่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ด้วยโลกเปลี่ยนอย่างเร็วมาก เยาวชนต้องได้รับการเตรียมตัวให้ทันโลกเพื่อให้พวกเขาปรับตัวได้ในเรื่องเกี่ยวกับตัวเองและความสัมพันธ์กับผู้อื่น

การปฏิวัติหลักสูตรเพศศึกษาและความสัมพันธ์ไม่ใช่แค่เป็นการเตรียมตัวเยาวชน แต่ยังจะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดจากความไม่เข้าใจเรื่องเพศที่นำไปสู่การท้องไม่พร้อม การติดเชื้อเอช ไอ วีในหมู่เยาวชน รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ และการทำร้ายร่างกายกันเพราะไม่เข้าใจความแตกต่างหลากหลายทางเพศ ที่นำไปสู่ความรุนแรง การทำร้ายร่างกาย จนสูญเสียชีวิต

นักการศึกษาของอังกฤษเห็นภาพรวมของปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นและยอมรับว่า หลักสูตรปัจจุบันที่อายุกว่า 18 ปี เขียนขึ้นในยุคก่อนที่เยาวชนจะเข้าถึงข่าวสารข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถือได้ ทำให้เกิดคำถามเรื่องการรู้เท่าท้นที่เยาวชนควรรู้ทั้งเรื่องความปลอดภัยและเรื่องกฎหมาย

ผมเชื่อว่าในไม่ช้าหลักสูตรการศึกษาของไทยก็จะต้องหันมาไล่ให้ทันเยาวชนไทยที่ถูกส่งออกไปเผชิญประเด็นทางเพศและความสัมพันธ์แบบงงๆ และเลิกความคิดเดิมๆ เก่าๆ เช่น ชี้โพรงให้กระรอก หรือเรื่องเพศเป็นเรื่องน่าอาย

ปัญหาเดิมๆ ควรจบได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนส่วนใหญ่ที่ยังใช้การบรรยายเป็นเพียงเครื่องมือเดียวในการสื่อสาร และครูส่วนใหญ่ก็ขาดความรู้เชิงเทคนิคในการสอนวิชาเพศวิถีศึกษา (หากเรียกว่า เพศศึกษา อาจจะฟังดูโบร่ำโบราณไปแล้ว) ผลวิจัยของมหิดลฉบับหนึ่งเรื่องการทบทวนการเรียนการสอนเพศวิถีศึกษาในสถานศึกษาไทย ระบุว่า นักเรียนชายระดับม. 1 ถึง ม. 6 ร้อยละ 16 (ผมว่าน้อยไปนะ) เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว และมีนักเรียนจำนวนมากที่มีทัศนคติไม่สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศและสิทธิทางเพศ

เรื่องเพศไม่ใช่เรื่องต้องปกปิด เพราะยิ่งปิด ยิ่งอยากรู้ ส่วนความอยากลอง เราก็ล้วนมีอยู่ในตัวทุกคนไม่ว่าจะวัยไหน