Thailand’s International Diversity, Equity and Inclusion day

Thailand’s International Diversity, Equity and Inclusion day

เนื่องในโอกาสเดือนแห่งความภาคภูมิใจ Pride Month เพื่อสร้าง ‘ความเท่าเทียม’ ของการทำงานในองค์กร ให้คนที่มีความหลากหลายทางเพศสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข ปลอดภัย ส่งผลต่องานที่ดีขึ้น

สถาบันเสริมศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับ The Nation และ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว

จัดงานสัมมนา Thailand’s International Diversity, Equity and Inclusion day ขึ้น เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนและสาธารณชน

ช่วยลดอคติ สร้างความเข้าใจอันดีในสังคมที่มีความหลากหลาย เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2566 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ดำเนินรายการโดย วิทยา แสงอรุณ

จินตนา จันทร์บำรุง อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงทรัพยากรมนุษย์ กล่าวว่า งานวันนี้เราได้ร่วมกับ The Nation

“จัดงานเสวนาให้ความรู้ เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ ที่ยังมีการเลือกปฏิบัติอยู่ในหลาย ๆ ส่วน เรามีภารกิจหลัก สร้างความเข้มแข็งให้กับครอบครัว เป็นไปตามอนุสัญญาในเป้าหมายที่ 5

ประเทศไทยมีพ.ร.บ.ความเท่าเทียมระหว่างเพศ ปี 2558 ในรัฐธรรมนูญปี 60 เรื่องการไม่เลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ เรามีกองทุนช่วยเหลือผู้ถูกเลือกปฏิบัติ

และอยู่ระหว่างร่างพ.ร.บ.รับรองเพศเรื่องการใช้คำนำหน้านาม พ.รบ.ความเท่าเทียม มี 6 ด้าน ทุกท่านสามารถนำไปใช้ในหน่วยงานของท่านได้

1)เรื่องการแต่งกาย สามารถแต่งตามอัตลักษณ์ทางเพศได้ 2)เรื่องสถานที่ ห้องน้ำ ที่จอดรถ 3)เรื่องคำพูด 4)เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาเลื่อนขั้น 1 ใน 3 ต้องเป็นผู้หญิง

5)เรื่องการคุกคามทางเพศ ทั้งสายตา วาจา ร่างกาย 6)เรื่องการเลื่อนตำแหน่ง HR มีการระบุเพศหรือไม่

นี่เป็นจุดเริ่มต้นขององค์กรเอกชน ในการสร้างความเท่าเทียม หากนำไปใช้ปฏิบัติจริงจะทำให้ประเทศไทยมีความก้าวหน้า ในองค์กรเองก็เกิดประโยชน์สูงสุด”

นภคฑ์วรรธน์ กิตติธรรมวุฒิ Chief Peple and Culture Officer EXO Group UN INGO on Diversity กล่าวในหัวข้อ Fundamental of Diversity, Equity, Inclusion (DEI) ว่า

“ในช่วง 5-10 ปีมานี้ หลายองค์กรทำเรื่องความหลากหลายและความเท่าเทียม หรือ DEI (Diversity, Equity, Inclusion) มีการลงทุน แต่ล้มเหลว เพราะไม่เข้าใจว่า DEI คืออะไร

Diversity คือ ความหลากหลาย มีหลายประเภท 1)ความหลากหลายภายใน คือ สิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เพศ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความสามารถทางกายภาพ

2)ความหลากหลายภายนอก เช่น การศึกษา สถานภาพสมรส สถานภาพทางเศรษฐกิจ ความคิดเห็น 3)ความหลากหลายในองค์กร 1)เพศ 2)เชื้อชาติ ศาสนา 3)สถานภาพการแต่งงาน 4)อายุ 5)ทักษะต่าง ๆ

วิธีแก้ไข คือ อย่าไปบังคับ ไปตัดสินใจแทนเขา บางองค์กรมีความแตกต่างมาก แต่ทุกที่มีบางสิ่งที่เหมือนกันคือความชอบ รสนิยม ถ้ามีการค้นพบ ทุกคนก็จะเข้ามาหากันคุยกัน

Equity คือ ความเสมอภาค และ ความเท่าเทียม สองคำนี้ต่างกันตรงที่ ความเท่าเทียม คือ ทุกคนได้รับโอกาส ได้รับการปฏิบัติเท่ากัน

แต่ ความเสมอภาค เน้นความเป็นธรรมต่อแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน ด้วยความต่างของแต่ละบุคคล

เช่น ให้กล่องแก่คน 3 คนไว้รองยืนเก็บผลไม้ 1)กล่องมีขนาดเท่ากันหมดนั่นคือความเท่าเทียม 2)กล่องมีขนาดไม่เท่ากันเพื่อตอบสนองคนตัวเตี้ยตัวสูงให้ทำงานได้เหมือนกันนั่นคือความเสมอภาค

ไม่ใช่ว่าในสถานที่ทำงานแห่งหนึ่งทำบันไดให้แล้วทุกคนเท่าเทียมแล้ว นั่นไม่เสมอภาคเพราะตอบสนองแต่ละคนไม่เท่ากัน เพราะพนักงานนั่งวีลแชร์ ไม่สามารถใช้ได้ เป็นความเท่าเทียมแต่ไม่เสมอภาค

Inclusion คือ การเป็นส่วนหนึ่ง การเป็นเจ้าของ HR ต้องทำให้พนักงานรู้สึกมีส่วนร่วมและได้รับความเคารพ หากมีการบูลลี่กันต้องมีบทลงโทษ

กลยุทธ์ที่ดีต้องเริ่มจากผู้คน แล้วตามมาด้วยนโยบายที่ถูกต้องเหมาะสมกับองค์กร แล้วขับเคลื่อนไปด้วยกัน คนที่สำคัญที่สุดในองค์กรที่จะทำให้ DEI เกิดได้และประสบความสำเร็จ คือ ผู้นำ ที่เอาจริงเอาจัง”

Bangkok gay men’s chorus

คณะนักร้องประสานเสียงเกย์วงแรกแห่งประเทศไทย

Experience San Francisco

Nulla quis lorem ut libero malesuada feugiat. Nulla porttitor accumsan tincidunt. Nulla quis.

A Message from the Mayor

“Vivamus id gravida mi, nec ullamcorper purus. Suspendisse ut nibh sagittis lacus viverra aliquam. Praesent ac lobortis mauris, non imperdiet quam. Praesent laoreet elit nisi, id feugiat ante accumsan sed. Vestibulum ante ipsum primis in faucibus orci luctus et ultrices posuere cubilia curae.”

Saif Guerra

ข่าวสิทธิความหลากหลายทางเพศ

Thailand’s International Diversity, Equity and Inclusion day

Thailand’s International Diversity, Equity and Inclusion day

เนื่องในโอกาสเดือนแห่งความภาคภูมิใจ Pride Month เพื่อสร้าง ‘ความเท่าเทียม’ ของการทำงานในองค์กร ให้คนที่มีความหลากหลายทางเพศสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข ปลอดภัย ส่งผลต่องานที่ดีขึ้น สถาบันเสริมศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับ The Nation และ...

อ่านเพิ่มเติม
ภาครัฐชวนคู่รัก LGBTQ จดทะเบียนในเทศกาลวาเลนไทน์ 2023

ภาครัฐชวนคู่รัก LGBTQ จดทะเบียนในเทศกาลวาเลนไทน์ 2023

เทศกาลวันวาเลนไทน์ 2023 นี้ LGBTQ คึกคัก เมื่อภาครัฐหลายหน่วยงานจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เพื่อส่งสัญญาณตอบสนอง "สมรสเท่าเทียม" กรุงเทพมหานคร  - เฟซบุ๊คแฟนเพจ "สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย โพสท์ข้อความ "สมรสเท่าเทียม" กฎหมายแห่งความเท่าเทียมที่กำลังรอคอย ........

อ่านเพิ่มเติม
เปิดรับสมัครแล้ว Mr. Gay World 2023

เปิดรับสมัครแล้ว Mr. Gay World 2023

อีกครั้ง !!!! กับเวทีที่เปิดกว้างที่สุด Mr. Gay World Thailand 2023 เปิดรับสมัครแล้ว วันนี้ - 28 กุมภาพันธ์ 2566 กับการเฟ้นหาตัวแทนเกย์ไทย เพื่อขับเคลื่อนสังคม LGBTQ+ และก้าวสู่เวทีระดับโลกคุณสมบัติผู้เข้าร่วมประกวด 1. เพศชาย หรือ ผู้ชายข้ามเพศ...

อ่านเพิ่มเติม

ภาครัฐชวนคู่รัก LGBTQ จดทะเบียนในเทศกาลวาเลนไทน์ 2023

ภาครัฐชวนคู่รัก LGBTQ จดทะเบียนในเทศกาลวาเลนไทน์ 2023

เทศกาลวันวาเลนไทน์ 2023 นี้ LGBTQ คึกคัก เมื่อภาครัฐหลายหน่วยงานจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เพื่อส่งสัญญาณตอบสนอง “สมรสเท่าเทียม”

กรุงเทพมหานคร  – เฟซบุ๊คแฟนเพจ “สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย โพสท์ข้อความ “สมรสเท่าเทียม” กฎหมายแห่งความเท่าเทียมที่กำลังรอคอย ….. ความหวังว่าอีกไม่นาน เชิญชวนพี่น้อง LGBT มาเป็นสักขีพยาน และแสดงพลังกันมากๆครับ ลงทะเบียนได้ถึงวันที่ 12 ก.พ. 2566 ตามลิงค์แนบ

ทั้งนี้ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 08.00 – 16.00 น.  ที่ห้อง Sunset Terrace ชั้นที่ 11 ของโรงแรมปริ๊นซ์ พาเลซ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย จะมีกิจกรรม ชวนคู่รัก LGBTQ ร่วมบันทึกจดแจ้ง “คู่สมรสเพศเดียวกัน” เพื่อแสดงถึงความเท่าเทียมกันในสิทธิเสรีภาพ

Reference: เฟซบุ๊คแฟนเพจ “สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย”

เครดิตภาพ : เนชั่นออนไลน์

ภาคตะวันออก – ก็ไม่น้อยหน้ากัน เมื่อนายเรืองฤทธิ์ ประกอบธรรม นายอำเภอเมืองระยอง พร้อมด้วย นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 จังหวัดระยอง ร่วมจัดกิจกรรมแถลงข่าวการจัดงาน วันวาเลนไทน์ “รักไม่มีข้อแม้ รักแท้ๆ ไม่แพ้ทิดน้อย” ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566  ณ เจดีย์กลางน้ำ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง

Reference: เนชั่นออนไลน์

เครดิตภาพ : เนชั่นออนไลน์

เปิดรับสมัครแล้ว Mr. Gay World 2023

เปิดรับสมัครแล้ว Mr. Gay World 2023

อีกครั้ง !!!! กับเวทีที่เปิดกว้างที่สุด Mr. Gay World Thailand 2023

เปิดรับสมัครแล้ว วันนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2566 กับการเฟ้นหาตัวแทนเกย์ไทย เพื่อขับเคลื่อนสังคม LGBTQ+ และก้าวสู่เวทีระดับโลก

คุณสมบัติผู้เข้าร่วมประกวด

1. เพศชาย หรือ ผู้ชายข้ามเพศ (ที่นิยามตัวตนว่าเป็นเกย์)
2. อายุ 20 – 50 ปี ไม่จำกัดสัดส่วน ไม่จำกัดเรื่องการศึกษา
3. มีความภาคภูมิใจในความเป็นตัวของตัวเอง เปิดเผยตัวตนที่ชัดเจน
4. มีทัศนคติที่ดีต่อความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ ศาสนา เพศภาวะ เพศวิถี อาชีพ สุขภาพกายและสุขภาพจิต
5. สามารถบริหารจัดการเรื่องเวลาการเข้าร่วมกิจกรรมได้ทั้งก่อนประกวดและการปฏิบัติหน้าที่ในอนาคต
6. ไม่ทำธุรกิจหรือเคยมีคดีที่เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กและเยาวชน
7. ไม่ติดสัญญากับเวทีการประกวดหรือสังกัดใดๆ
8. ผู้ผ่านรอบออดิชั่นจะต้องชำระเงิน 1,000 บาท เป็นค่าสมัครเข้าร่วมประกวด และค่าบัตรชมรอบตัดสิน สำหรับผู้ติดตาม จำนวน 1 ที่นั่ง
ธรรมศาสตร์ปลดล็อคคำนำหน้านาม

ธรรมศาสตร์ปลดล็อคคำนำหน้านาม

สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประกาศ เป็นสิทธิ์นักศึกษาจะให้เรียกตัวเขาว่าอะไร

จากอำนาจตามความในข้อ 82 ของระเบียบกิจกรรมนักศึกษาว่าด้วยการดำเนินงานและการประชุมสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. 2564

ที่ประชุมสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมัยสามัญ 1 ครั้งที่ 4 ในวันที่ 27 ตุลาคม 2564 มีมติให้แก้ไขระเบียบดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 62 เสียง ไม่เห็นชอบ 0 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง โดยให้เพิ่มความดังต่อไปนี้ในหมวด 4 การจัดระเบียบและความเรียบร้อย ในข้อ 77 ความว่า การขานชื่อและการระบุชื่อของบุคคล ให้กระทำดังนี้

ในการขานชื่อ หรือระบุชื่อตนเอง ให้เป็นเสรีภาพของบุคคลนั้นที่จะใช้หรือไม่ใช้คำนำหน้านามก็ได้

ในการขานชื่อ หรือระบุชื่อของบุคคลอื่น ต้องไม่ขานหรือระบุคำนำหน้านามของบุคคลนั้น เว้นแต่บุคคลนั้นประสงค์ให้ใช้คำนำหน้านาม ดังนั้น ในการดำเนินงานใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ยึดถือแนวทางปฏิบัติดังกล่าว

 

The Thammasat University Student Council has made a proactive move to liberate the use of pronouncing in identifying a person.

The Thammasat University Student Council announced on October 27, 2021, the guidelines for appropriate implementation of work without a gender framework that blocks gender diversity by liberating them from sexism, restricting their freedom to define themselves, and ending the rejection of different gender identities among students of Thammasat University.

The initiative was fully supported by landslide votes (62 for 0; 2 abstentions from voting). Students are allowed to choose how to address themselves.

«-HOME

ARTICLES-»

ทำไมคณะเก่าแก่แห่งนี้ถึงกลายเป็น LGBTQ-Friendly ได้?

ทำไมคณะเก่าแก่แห่งนี้ถึงกลายเป็น LGBTQ-Friendly ได้?

ใครจะเชื่อว่า ‘โรงเรียนกฎหมาย’ แห่งแรกของประเทศไทย อายุเกือบ 90 ปีแห่งนี้ จะหันมาให้ความสำคัญกับ ‘ความหลากหลายทางเพศ’ ในทุก ๆ ด้าน?

วันที่ 1 มิถุนายน 2564 บนเว็บไซต์ของคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ มีโพสต์ประกาศที่ใครๆ อ่านแล้วต้องแปลกใจ กับข้อความที่สื่อสารกับสาธารณะ ต้องบอกว่า ‘ล้ำ’ มากสำหรับอุดมศึกษาในวงการการศึกษาด้านกฎหมายของไทย

ประกาศคุณค่าและนโยบายของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าด้วยการยอมรับความหลากหลายทางเพศ

ประกาศที่ออกสู่สายตาประชาชนในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นเดือนที่ทั่วโลกจัดไว้ให้เป็น ‘Pride Month’ เพื่อเปิดโอกาสให้ความแตกต่างหลากหลายทางเพศในทุกๆ วงการเกิดขึ้น เป็นเวลาที่ตรงกันโดยบังเอิญ หรือเพราะจังหวะมันได้?

ทำไมอยู่ๆ คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ถึงมาให้ความสำคัญเรื่องนี้?

“ย้อนไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เคยอยู่ในความสัมพันธ์กับผู้หญิงค่ะ ตอนนั้นเสียงจากคนรอบตัวที่หวังดีกับเรามากๆ บอกว่า อย่าเปิดเผยเลยนะ ไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาในการหางานในอนาคต จะอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีในสังคมได้อย่างไร”

ดร.พนัญญา ลาภประเสริฐพร ผู้อำนวยการศูนย์ Law TU Health & Wellness เล่า

อาจารย์โบว์’ เชื่อมโยงประสบการณ์ชีวิตส่วนตัว และรับรู้ถึงความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียม ความอึดอัด และความเจ็บปวด 

“พอจุดเริ่มแรกถูกเซ็ตมาแบบนั้น บอกตรงๆ เลยว่าตลอดเวลาที่อยู่ในความสัมพันธ์มันอยู่ด้วยความหวาดกลัว อยู่ด้วยความรู้สึกว่าการอยู่ในความสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกันมันด้อยกว่าคนอื่นเหรอ ถึงวันนี้เรายังจำความรู้สึกเจ็บปวด ความรู้สึกหวาดกลัวนั้นได้

ประกอบกับตอนนั้นมีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งมีอัตลักษณ์ทางเพศอีกแบบ และเรารู้ว่าเขาจะต้องปิดบังอัตลักษณ์ทางเพศ เราก็คิดไปว่า คนที่ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้เลยอย่างเสรี มันจะถูกกดทับและถูกบั่นทอนจิตใจมากแค่ไหน ในขณะที่เรายังสามารถแต่งตัวและเป็นตัวของเองได้ เพียงแค่กลัวที่จะต้องเปิดเผยเรื่องของคนรักเท่านั้น”

ความคิดนั้นยังคงดังก้องอยู่ ทำให้อาจารย์นิติศาสตร์ท่านนี้ให้สัญญากับตัวเองว่า มันไม่ควรที่จะต้องมีคนมาถูกบั่นทอน ถูกกดทับแบบนี้อีกแล้ว

แม้ตอนนี้เธอจะไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์นั้นแล้ว และเดตกับผู้ชาย แต่ยังจดจำความรู้สึกนั้นไว้เพื่อเป็นพลังในการทำงานด้านนี้ต่อไป โดยไม่ได้ปิดบังอดีต บุคคลท่านนี้น่าจะเป็นอาจารย์ของคณะนี้เพียงไม่กี่คน หรือไม่ก็อาจเป็นคนแรกเลยก็ว่าได้ที่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้นักศึกษาฟัง ‘อย่างเปิดเผย’ และทำให้เป็น ‘เรื่องปกติ’ ที่สุด

ความรู้สึกปลอดภัยและให้ความเคารพในตัวตนกันและกันได้รับการตอกย้ำมากขึ้น เมื่อเธอได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่มหาวิทยาลัยโทรอนโต ประเทศแคนาดา ในช่วงที่กำลังศึกษาต่อปริญญาเอก และได้เห็นอะไรบางอย่างที่เกิดแรงบันดาลใจและความคิดต่างๆ

“ทุก ๆ ที่ในมหาวิทยาลัยจะมีโปสเตอร์ประกาศว่า ที่นี่เป็นพื้นที่ปลอดภัย จะไม่ยอมรับการกระทำอันเป็นการดูหมิ่น ล้อเลียน หรือเลือกปฏิบัติใดๆ ก็ตาม เป็นสิ่งที่เห็นแล้วทำให้รู้สึกสบายใจและมั่นใจ เพราะพอเรารู้ว่าสถาบันหรือองค์กรนี้เป็นพื้นที่ปลอดภัย เราสามารถเปิดเผยได้ ถ้ามีใครมาถามว่ามีแฟนหรือยัง เราก็เล่าได้ปกติ อันนี้คือหนึ่งในแรงบันดาลใจ”

เมื่อได้กลับมาเป็นอาจารย์ที่คณะนิติศาสตร์ เธอจึงเกิดไอเดียว่าอยากจะผลักดันเรื่องนี้เป็นรูปธรรม เริ่มแรกด้วยการเล่าเรื่องตัวเองให้เป็นเหมือน ‘เรื่องปกติ’ อย่าง “เราเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงนะ” ทำให้นักศึกษารู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ต้องปกปิด พอมีแรงสนับสนุนมากขึ้น ก็ชวนกลุ่มนักศึกษาที่สนิทและสนใจมาขับเคลื่อนเรื่องนี้ไปด้วยกัน

“ทุกๆ ครั้งที่คุยกับนักศึกษา พวกเขาจะมีคำถามว่า ถ้าเราทำกิจกรรมแล้ว คณะจะว่าอย่างไรเหรอ คณะจะโอเคไหม อาจารย์จะโอเคไหม มันสัมผัสได้ถึงความกลัวบางอย่างค่ะ รู้เลยว่าการที่คณะจะออกมาประกาศนโยบาย ประกาศคุณค่า ยอมรับ และสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ”

จากการคุยกับนักศึกษาปีสี่เพียงหนึ่งคน ค่อยๆ รวมกันตัวกันเป็นกลุ่มนักศึกษาที่หลากหลายทางเพศ พร้อมทั้งมีเพื่อนชายหญิงทั่วไปและกลุ่มที่ไม่ระบุเพศมาช่วยกันทำงานอย่างแข็งขัน หลายสิ่งหลายอย่างของคณะเริ่มก่อร่างขึ้น

Clubhouse มิติใหม่ของการเปิดโอกาสให้พูด ให้คิด

คณะนิติศาสตร์เป็นคณะที่มีวัฒนธรรมเปิดในเรื่องคุณค่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเสมอภาค สิทธิมนุษยชน จนเป็นที่เข้าใจโดยทั่วไปอยู่แล้ว และที่ผ่านมาที่นี่ก็ให้ความสนใจเรื่อง ร่าง พ.ร.บ. คู่ชีวิต และกฎหมายเรื่องความเท่าเทียม มีการจัดสัมมนาและอภิปรายอยู่บ่อยครั้ง

“น่าจะเป็นช่วงเวลาที่โชคดีมากๆ ที่คณบดี ท่านรองศาสตราจารย์ ดร.มุนินทร์ พงศาปาน เปิดกว้างมาก เราก็จัด Clubhouse ให้ทุกคนมาช่วยกันเล่าว่ามีปัญหาการถูกเลือกปฏิบัติหรือถูกล้อเลียนอะไรบ้างในคณะ คณะอาจารย์ก็เปิดกว้าง ช่วยกันแชร์โพสต์ ช่วยกันพีอาร์กิจกรรม และไม่ว่าจะติดต่อไปในทางส่วนตัวกับอาจารย์ท่านไหนในคณะ ทุกคนก็พร้อมสนับสนุน ช่วยโปรโมต มันเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างราบรื่นมากค่ะ”

เป้าหมายของโครงการนี้ตั้งแต่เริ่มเลยก็คือ คณะต้องประกาศจุดยืน ‘อย่างเป็นทางการ’ และนั่นคือสิ่งที่ได้แสดงผลออกมาอย่างเป็นรูปธรรมและกำลังสร้างแรงกระเพื่อมอย่างน่าสนใจยิ่ง

“จากไอเดียนักศึกษาเอง นักศึกษาเป็นแรงบันดาลใจ อย่างเช่น ตลอดเดือนมิถุนายนเราจะต้องขึ้นสีรุ้งตลอดทั่วทั้งคณะ นี่ถ้าเปิดตึกคณะได้ก็คงมีธงรุ้งนะ ตอนนี้ (ติดปัญหาโควิด) เราก็ทำได้แค่ใน Facebook ไปก่อน”

ในขณะที่สถาบันอุดมศึกษาหลายแห่งกำลังมองหาจุดอะไรที่ลงตัว และพยายามหลีกเหตุผลเพื่อ ‘ความเหมาะสม’ ที่จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตเรื่อง ‘การแต่งกายตามเพศสภาพ’ ‘การแต่งกายในวันรับปริญญาของนักศึกษาข้ามเพศ’ สถาบันผลิตนักกฎหมายเก่าแก่แห่งนี้ได้ประกาศความต้องการเปลี่ยนแปลง ‘ทั้งคณะ’ เพื่อรองรับความแตกต่างหลากหลายทางเพศ และนั่นไม่ใช่ประกาศเพื่อความ ‘สวยหรู’ แต่พร้อมที่จะ ‘Action Plan’ ทันที

อาจารย์โบว์เล่าว่า สิ่งหนึ่งที่นักศึกษาสะท้อนมาก็คือ คำถามจากเพื่อนนักศึกษาเรื่อง LGBTQ ที่มีการถามบ่อย จึงคิดที่จะเริ่มต้นจากการให้ข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจก่อนเป็นลำดับแรก และนับเป็นภารกิจหลักที่ทางกลุ่มนักศึกษาและคณะจะต้องสื่อสารออกไป

“มหาวิทยาลัยหลายแห่งในต่างประเทศมีแนวนโยบาย และ Action Plan เกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศอยู่แล้ว เราและเพื่อนอาจารย์ก็ไปเก็บรวบรวมข้อมูลมาว่า Action Plan ของเขามีอะไรบ้าง ตั้งแต่คุยเรื่องโครงการนี้จนกระทั่งได้ประกาศเป็นนโยบายนี้ ใช้เวลาแค่ 4 เดือน”

หลังจากนำเสนอความคิด แผนงาน และได้รับความเห็นชอบแล้ว ทางคณะนิติศาสตร์จะมีการทบทวนการปฏิบัติต่างๆ เช่น แบบฟอร์ม คำนำหน้านาม รวมไปถึงข้อความประกาศในการเปิดรับนักศึกษา กระทั่งการประกาศคุณค่าและนโยบายนี้ในงานปฐมนิเทศ

ในการดำเนินการ มีคณะกรรมการตรวจสอบและส่งเสริมความเสมอภาค (เป็นคณะกรรมการที่มีอยู่แล้วและดูความเท่าเทียมในด้านต่างๆ เช่น ผู้พิการ) เป็นแม่งาน และตอนนี้กำลังร่วมกันพิจารณาว่าควรยกเลิกการขอคำนำหน้านาม หรือเปิดช่องให้คนกรอกเลือกได้ จากนั้นเตรียมจัดให้มีการสื่อสารภายในให้ชัดเจน

ตั้ง Thammasat Pride and Allies ขับเคลื่อนด้วยพลังนักศึกษาที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง

นักศึกษากลุ่มนี้รวมตัวกันตั้ง ‘Thammasat Pride and Allies’ ขึ้นมาเพื่อสร้างแนวร่วม ทั้งนักศึกษา อาจารย์ และเจ้าหน้าที่ของคณะ ตอนนี้กำลังเพิ่มจำนวนผู้ที่สนใจ และมี ‘Mission’ ร่วมกันที่ต้องการขับเคลื่อนในระดับมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างพลังที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น

‘Respectful Conduct’ (การให้ความเคารพกันและกัน) ที่จัดทำขึ้น แสดงให้เห็นว่า ต่อไปนี้เราจะกำหนดมาตรฐานใหม่ เราจะจริงจังและไม่ปล่อยให้เป็นแค่เรื่อง ‘ขำๆ’ หรือเป็นเรื่องสนุก เรามี Ambition ในการสร้างมาตรฐานใหม่ เพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพและให้เกียรติกัน คณะมีนักศึกษาเป็น Trans มี Bisexual มี Non-Binary มี Asexual (กลุ่มคนที่ไม่ฝักใฝ่ทางเพศ) มหาวิทยาลัยจะเปิดกว้างทางความคิดและให้ความสำคัญในความหลากหลายนี้”

เธอกล่าวด้วยความเชื่อมั่น

 

ต่อมาในเดือนเดียวกัน ทางสภามหาวิทยาลัยของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้ยกระดับระเบียบเกี่ยวกับเครื่องแต่งกาย โดยให้นักศึกษาแต่งกายตามเพศสภาพได้ จากเดิมเป็นเพียง ‘ระเบียบ’ ต่อมาปรับให้เป็น ‘ข้อบังคับ’ โดยเพิ่มเนื้อหาข้อ 9 ว่า ‘นักศึกษาสามารถแต่งกายตามเพศกำเนิดหรือเพศสภาพได้’

“อาจารย์ยินดีมากที่มหาวิทยาลัยเปิดกว้าง อยากเห็นการรวมตัวของนักศึกษาที่เข้มแข็ง อยากเห็นหน่วยสนับสนุนต่างๆ ตัวนักศึกษามีไอเดียดีมาก เช่น อยากให้มีการสนับสนุนทางด้านจิตใจและอื่นๆ เช่น ในกรณีการ Come-out (การเปิดเผยตัว) กับพ่อแม่ เพื่อนอาจารย์เองที่อาจยังไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ ก็น่าจะได้รับการสนับสนุนโดยไม่มีการกดดันใดๆ แต่เริ่มจากการที่ทุกคนช่วยสร้างให้ตรงนี้เป็นพื้นที่ปลอดภัย”

งานท้าทายต่อไปที่อาจจะหินสำหรับคณะนี้ก็คือ วงการกฎหมาย ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ว่าเป็นพื้นที่ ‘อนุรักษ์นิยมสูง’ ไม่ว่าจะเป็นศาล อัยการ ทนายความ หรือแม้กระทั่งอาจารย์ บนความเชื่อที่ว่าเสาหลักแห่งนี้ต้องมี ‘ความน่าเชื่อถือ’ การมี LGBTQ และเปิดเผยตัวเข้าไปทำงานจะส่งผลอะไรหรือไม่?

“ในอนาคตคงเป็นงานใหญ่ที่ต้องค่อยๆ ผลักดันให้เคลื่อนไปข้างหน้า ซึ่งเป็นไปตามกระแสของโลก แคนาดามีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ Never Going Back: A History of Queer Activism in Canada หนังสือกล่าวว่า ประเทศเขาเปิดมากแล้ว มันเป็นกระแสไปแล้ว แต่ทุกคนยังต้องรวมพลังเพื่อผลักดันต่อไปเรื่อย ๆ ตอนนี้อาจารย์มองในแง่ดีและมีความเชื่อมั่นมากค่ะ”

ความหลากหลายทางเพศ คำถามที่ยังมีอยู่ในสังคมไทย?

ทำไมคำถามเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศยังมีอยู่ ไม่หายไป และอะไรเป็นสาเหตุที่ใครหลายๆ คนยังถามอยู่

“มันเป็นความเชื่อที่ส่งทอดกันมาจากรุ่นปู่ย่าตายาย เพียงแค่หลายคนอาจไม่เคยตั้งคำถามและมีความกลัวบางอย่างในใจ กลัวความไม่ปลอดภัย เช่น ลูกเราจะอยู่ในสังคมได้ไหม หรือตัวพ่อแม่เองจะอยู่ได้ไหมที่จะต้องเจอกับคำถามจากคนรอบตัว หัวใจหลักก็คือความกลัว อะไรที่แตกออกมาจากสิ่งที่เรายึดถือเดิมอาจทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยขึ้นลึกๆ ในใจ คำถามก็คือจะทำอย่างไรให้ความกลัวนั้นหายไป คำตอบก็คือการสร้างคุณค่าใหม่มาละลายความเชื่อนี้”

ช่วงที่ตัวเองเรียนจบและกำลังจะกลับไทยรู้สึกกังวลกับเรื่องนี้ ด้วยวัยที่ทำให้กลัวว่าจะมีคนถามว่าแต่งงานหรือยัง เลยไปคุยกับเทอราปิสต์ซึ่งเป็นคนเยอรมัน ว่าเราจะบอกกับญาติผู้ใหญ่อย่างไรว่าเราคบผู้หญิง เพราะพวกเขาคงยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่เราไม่อยากโกหก อยากให้เกียรติคนที่เรารัก เลยถามเทอราปิสต์ว่าถ้าพูดเรื่องทฤษฎีสังคมชายเป็นใหญ่ดีไหม คำตอบที่ได้กลับมาคือ ในสังคมเยอรมนี เมื่อคนในตำแหน่งสำคัญๆ กล้าออกมาเปิดเผยตัวตนมากขึ้น เป็นตัวของตัวเองได้ ไม่ใช่ชีวิตต้องหมดหนทางหรือด้อยกว่า เมื่อมีคนจำนวนมากขึ้นค่อยๆ เปิดจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา คุณค่าของสังคมจะเปลี่ยนไปได้อย่างแน่นอน” ดร.พนัญญากล่าว.

 

แหล่งที่มา : The Standard
เผยแพร่เมื่อ : 7 กรกกฎาคม 2564
ผู้เขียน : วิทยา แสงอรุณ
ภาพ : The Standard
Link : ต้นฉบับ: ทำไมคณะเก่าแก่แห่งนี้ถึงกลายเป็น LGBTQ-Friendly ได้?

 

«-HOME

ARTICLES-»